“พวงเพ็ชร” มอบผู้ช่วยฯ วราวุธ เร่งแก้บุหรี่ไฟฟ้าระบาดในกลุ่มเยาวชน

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดสัมมนา “ประเทศไทยควรรับมือกับการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไร?” เพื่อสร้างความเข้มแข็งเครือข่าย 10 จังหวัดต้นแบบปกป้องเด็กจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า จัดขึ้นที่โรงแรมรามาการ์เดนท์ กรุงเทพมหานคร โดยมีนายวราวุธ ยันต์เจริญ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ผู้แทน นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานในการเปิดงาน อละ ร่วมรับฟังข้อมูล เพื่อนำข้อมูลจากการเสวนาไปให้รัฐบาลออกเป็นมาตรการป้องกัน สร้างการรับรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ต่อไป

 

ด้าน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ภัยของบุหรี่ไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เราพบกลุ่มผู้เสพหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชนอายุเพียง 13 ปี และยังสืบทราบมาว่ามีการนำไปขายในสถานศึกษา โดยเด็กและเยาวชนเป็นคนรับไปจำหน่ายเอง จึงขอความร่วมมือทั้งผู้ปกครองและสถานศึกษา หากพบเห็นการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ขอความร่วมมือให้แจ้งหน่วยงานรัฐ ทั้งทาง สายด่วน สคบ. 1166 ทางเว็บไซต์ OCPB.go.th เฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB แอปพลิเคชัน Traffy Fondue และสายด่วนของภาครัฐทุกช่องทาง  ซึ่งต่อจากนี้ สคบ. จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับรวมถึงท้องถิ่น บังคับใช้กฎหมายกวาดล้างสินค้าเหล่านี้ให้หมดไป พร้อมกับสร้างมาตรการป้องกัน สร้างการรับรู้ถึงพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยเป็นเกราะป้องกันได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่ยังลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ขอให้เลิกขายอย่างเด็ดขาด หากพบเห็น สคบ. จะดำเนินคดีกับผู้ขายและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อปกป้องคุ้มครอง เด็ก และเยาวชน รวมทั้งนักท่องเที่ยว จากมหันตภัยพิษร้ายจากบุหรี่ไฟฟ้า

 

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยข้อมูล จากผลการสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทยอายุ 13-15 ปี จำนวน 6,700 คน ในโรงเรียนทั่วประเทศ พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปี 2558 พบเยาวชนสูบบุหรี่ร้อยละ 3.3 เพิ่มเป็นร้อยละ 17.6 ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเกือบ 5.3 เท่า และเยาวชนหญิงสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จากสถานการณ์นี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคีเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบทุกภาคส่วน รวมถึงครูและผู้ปกครอง จะต้องรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า

 

นอกจากนี้ ในการเสวนามีหลายประเด็นที่น่าสนใจ  ซึ่ง หรึ่งในประเด็นนั่นคือ "ทำไมต้องปกป้องเด็กจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า"  ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ เปิดเผยว่า ในบุหรี่ไฟฟ้า มีเสพติดนิโคติน สูงกว่า บุหรี่มวล ซึ่ง เด็กและเยาวชนที่ทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า ใน 100 คน จะมีเด็กและเยาวชนติดบุหรี่ไฟฟ้าถึง 70% หรือ 70 คน ใน 100 คน โดยบุหรี่ไฟฟ้า มีการศึกษาแล้วว่ามีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลเสียต่อความจำ สมาธิ อารมณ์ ความคิด รวมไปถึงเข้าขึ้น โง่ และ ป่วยด้วยโรคเอ๋อ รวมถึงมีรายงานจากแพทย์โรงพยาบาลเด็กที่ให้ข้อมูลว่า ในช่วง 2 ปี เด็กอายุ 13-14 ปี ที่ป่วยที่เข้าขั้นเข้าห้อง ICU นั้นหายใจลำบาก ปอดได้รับความเสียหายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หาสาเหตุไม่ได้ แต่พบว่าผู้ป่วยเด็กดังกล่าวในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีประวัติสูบบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชน ทุกภาคส่วนต้องจริงจัง โดยเฉพาะทำให้สังคม สภาพแวดล้อมของเด็กและเยาวชนต้องปราศจากบุหรี่ไฟฟ้า ต้องไม่มีในพื้นที่ หมู่บ้าน ชุมชน รวมถึงในครอบครัวก็ต้องไม่มีบุหรี่ไฟฟ้า


image รูปภาพ

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar
แสดงความคิดเห็น
image
ความคิดเห็น